หน้าแรก >> บริการของเรา วิเคราะห์เทคโนโลยีป้องกันประเทศ
วิเคราะห์เทคโนโลยีป้องกันประเทศ
บทวิเคราะห์: ข้อพิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ ตอนที่ 3: ทิศทางและแนวโน้ม
Created by : , Publish 24 Jun 2011 , Views 3815
บทวิเคราะห์: ข้อพิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ ตอนที่ 3: ทิศทางและแนวโน้ม


จากบทความในตอนที่แล้ว แม้จีนจะตั้งใจจริงกับนโยบาย Good Neighbor Policy กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียนมากเพียงใด แต่สำหรับทะเลจีนใต้นั้นเป็นเรื่องที่แตกต่าง สำหรับประเทศจีนแล้ว ทะเลจีนใต้ถือว่าเป็นผลประโยชน์ที่สำคัญอันยิ่งยวด และไม่สามารถประนีประนอมได้ (Uncompromising) เนื่องจากการที่จีนมีทางออกทางทะเลเพียงด้านเดียว ซึ่งถ้าหากนับประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจแล้วก็ถือได้ว่าประเทศจีนจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศแรกที่มีทางออกทางทะเลเพียงด้านเดียว ซึ่งหมายความว่าทะเลจีนใต้มีผลต่อความอยู่รอดในฐานะของการเป็นประเทศมหาอำนาจของจีนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ในเรื่องของการเดินเรือสินค้าเข้าออก เช่นเรือขนวัตถุดิบ เรือขนส่งสินค้านำเข้าส่งออก เรือบรรทุกน้ำมัน และนอกจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญแล้ว ทะเลจีนใต้ยังเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งด้านการประมง และแหล่งพลังงานสำรองอย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่คาดกันว่ามีมหาศาลจนได้รับขนานนามว่า ?The next Persian Gulf?ฉะนั้น ด้วยสาเหตุดังที่กล่าวมาข้างต้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมจีนถึงยอมหักแต่ไม่ยอมงอในเรื่องข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้จนเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน


นับตั้งแต่จีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศอุตสาหกรรม และเป็นหนึ่งในประเทศทรงอิทธิพลระบบเศรษฐกิจโลก จีนจำเป็นต้องมองยุทธศาสตร์ทางทะเลเป็นยุทธศาสตร์หลักเพื่อความมั่นคง โดยจะเห็นได้จากการพัฒนาแสนยานุภาพทางทะเลด้านการทหารของจีนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เช่นการพัฒนากองเรือดำน้ำ กองเรือรบ และที่สำคัญคือการพยายามสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินเป็นของตนเอง แน่นอนว่ายุทโธปกรณ์ที่จีนมีอยู่ในปัจจุบัน เหนือกว่าทุกประเทศที่ตนมีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้อยู่มาก แต่ที่จีนไม่เคยประมาทและเตรียมพร้อมอยู่เสมอคือการแทรกแซงจากสหรัฐฯ แม้ในเวที Shangri-La Dialogue ที่จัดที่ประเทศสิงคโปร์เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางสหรัฐอเมริกาจะปรับท่าทีที่เป็นมิตรกับประเทศจีนมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันทางสหรัฐฯ ก็กล่าวอย่างเปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะยังคงปฏิบัติการทางการทหารในบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป เพื่อรักษาอิสรภาพให้ประเทศต่างๆ สามารถสำรวจและหาผลประโยชน์ทางทะเลในน่านน้ำสากล ซึ่งจีนคงไม่ยินดีกับนโยบายดังกล่าวของสหรัฐฯ แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางความร้อนระอุของเหตุการณ์ความขัดแย้งในข้อพิพาทดินแดนในทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในตอนนี้ สหรัฐฯ ได้จัดซ้อมรบประจำปี SEACAT (Southeast Asian Cooperation and Training) กับประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนขึ้น เหมือนเป็นสัญลักษณ์ว่าสหรัฐฯ เองก็พร้อมเข้ามาแทรกแซงทุกเมื่อหากจีนพลาดพลั้ง ฉะนั้น แนวโน้วของยุทธศาสตร์จีนในอีกทศวรรษต่อจากนี้คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก นอกจากพัฒนากองทัพเรือให้ดียิ่งขึ้นไป และยังคงต้องแข็งกร้าวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้เหมือนเดิมต่อไป

นอกจากนี้ แนวโน้มที่น่าจับตามองอีกข้อหนึ่งคือ การที่ประเทศจีนเข้ามาหาพันธมิตรในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากทราบดีว่าอาเซียนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในทะเลจีนใต้ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้ แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มประเทศอาเซียนเองก็ไม่สามารถรวมตัวกันได้อย่างเหนียวแน่น โดยหากจีนสามารถดำเนินนโยบาย ?ตีท้ายครัว? ประเทศอาเซียนได้ ก็จะสามารถหาแนวร่วม หรืออย่างน้อยก็ทำตัวเฉยเมยหากจีนมีปัญหากับบางประเทศในกลุ่มอาเซียน โดยในขณะนี้ที่น่าจับตามองคือการเข้าไปลงทุนอย่างมหาศาลในประเทศกัมพูชา ประเทศจีนนั้นได้เข้าไปช่วยเหลืองานก่อสร้างสาธารณูปโภคอย่างมากทั้งการสร้างถนน สะพาน โรงไฟฟ้า และท่าเรือ โดยรวมแล้วมูลค่าการลงทุนของจีนนับเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติในประเทศกัมพูชาเลยทีเดียว ทั้งนี้เพื่อแข่งกับอิทธิพลของเวียตนามที่มีอยู่เดิมในกัมพูชา และดึงกัมพูชาเข้ามาเป็นพันธมิตรของตน ซึ่งนโยบายตีท้ายครัวนี้ หากเกิดขึ้นอย่างจริงจัง ก็คงจะเป็นทางสองแพร่งของประเทศในกลุ่มอาเซียนว่าจะเลือกผลประโยชน์ของชาติในระยะสั้นหรือผลประโยชน์ของภูมิภาคในระยะยาว เนื่องจากภาพในปัจจุบันนี้คือความตั้งใจในการสร้างประชาคมอาเซียนในปี 2015 เพื่อรักษาผลประโยชน์ของภูมิภาคในระยะยาว ยังจับต้องได้ยาก ส่วนการเข้ามาช่วยเหลือของจีนนั้น ทันใจและจับต้องได้ง่าย แต่อาจจะมีผลต่อความตั้งใจในการสร้างประชาคมอาเซียนในปี 2015 แน่นอนว่าทุกประเทศอาเซียนรู้ว่าการที่ประเทศเล็กๆ จะสามารถหาและปกป้องผลประโยชน์ของตนอย่างได้ผลและยั่งยืนคือการรวมกลุ่มกันเพื่อเพิ่มพลังและฐานะในระบบระหว่างประเทศ ซึ่งคงจะไม่ดีแน่หากมีประเทศ ?Free rider? ในอาเซียนแต่กลับได้ผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประเทศอื่นๆ

สำหรับประเทศไทยแล้ว แม้จะไม่ได้มีข้อพิพาทโดยตรงในน่านน้ำทะเลจีนใต้ แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็กระตุ้นเตือนประเทศไทยให้เห็นความสำคัญของทะเล และเตรียมพร้อมในฐานะเป็นประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน ผลประโยชน์ทางทะเลนั้นยิ่งใหญ่มหาศาลและเป็นแรงขับให้หลายประเทศปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์มุ่งไปที่การหาและปกป้องผลประโยชน์ทางทะเล ประเทศไทยเองก็มีขีดความสามารถในการหาผลประโยชน์ทางทะเลเช่นกัน เนื่องจากประเทศไทยเองก็มีชายฝั่งทะเลที่ยาว และมีทางออกทางทะเลอยู่ถึงสองด้าน นอกจากนี้ไทยเองก็มีศักยภาพในการออกไปหาผลประโยชน์ทางทะเลในน่านน้ำสากลเช่นกัน หากแต่ประเทศไทยยังขาดการให้ความรู้ เอาใจใส่ และที่สำคัญคือการรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางทะเล เช่นกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง และอู่ต่อเรือ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเล โดยเฉพาะระบบ Maritime Domain Awareness ซึ่งหลายประเทศให้ความสนใจพัฒนาเทคโนโลยีและระบบสนับสนุน นอกจากนี้ การที่ประเทศสมาชิกอาเซียนมีข้อพิพาทกับประเทศทั้งในและนอกกลุ่มอาเซียนนั้น แน่นอนว่าจะต้องส่งผลถึงประเทศไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไทยเองในฐานะหนึ่งในผู้นำอาเซียนจำเป็นต้องพิจารณาสถานการณ์ให้รอบคอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และผลักดันประชาคมอาเซียนให้เกิดขึ้นในปี 2015 ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่อย่างจีนไว้ด้วย

โดยสรุปแล้ว สถานการณ์ความความขัดแย้งและข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ แนวโน้มข้างหน้าสำหรับประเทศจีนคงจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก เนื่องจากจีนมองว่าทะเลจีนใต้เป็นผลประโยชน์ที่สำคัญอันยิ่งยวดของจีน และไม่สามารถประนีประนอมใดๆ ได้ ในขณะเดียวกันจีนเองก็ต้องพยายามมองหาประเทศพันธมิตรในกลุ่มอาเซียน เพื่อที่จะแนวร่วมหรือ Free rider หากจีนเกิดข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ หรือหากจีนจำเป็นต้องเข้าร่วมการเจรจาแบบพหุภาคี ส่วนประเทศไทยเองก็ต้องตระหนักถึงความสำคัญของทะเล และผลประโยชน์ทางทะเล และสร้างเครือข่ายในประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางทะเล ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามที่จะไม่ขัดแย้งกับประเทศอาเซียน และประเทศอื่นๆ นอกอาเซียน ซึ่งถือเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ประเทศไทยต้องนำมาปรับใช้เพื่ออนาคตของประเทศ

?

...พรพล น้อยธรรมราช SDA2



อ้างอิง

B C Schmidt and T Dunne, ?Realism? in J Baylis P Owens & S Smith (eds.), The globalization of world politics: an introduction to international relations, Oxford University Press Inc., New York, 2008.

?Courting the Khmer?, The economist, 11th ? 17th June 2011, p. 48.

?Not littorally Shangri-la?, The economist, 11th ? 17th June 2011, p. 50.

S L Lamy, ?Contemporary mainstream approaches: neo-realism and neo liberalism? in J Baylis P Owens & S Smith (eds.), The globalization of world politics: an introduction to international relations, Oxford University Press Inc., New York, 2008.

เฉียนฉีเชิน, สถานการณ์โลกกับการทูตจีน, แปลและเรียบเรียงโดย รศ. อาทร ฟุ้งธรรมสาร, สำนักพิมพ์มติชน, กรุงเทพฯ, 2554.

?

บทความพิเศษ: ข้อพิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ ตอนที่ 1: จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง

บทความพิเศษ: ข้อพิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ ตอนที่ 2: ข้อตกลงความ(ไม่)ร่วมมือ


สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (แจ้งวัฒนะ) ชั้น 5 เลขที่ 47/433 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 โทรศัพท์ : 0 2980 6688, โทรสาร : 0 2980 6199


ติดตามผ่านสื่อ Social ที่ : Facebook, Youtube

เว็บไซต์สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศ ขออนุญาตใช้คุ๊กกี้เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ท่านสามารถอ่านนโยบายคุ้กกี้ได้ ที่นี่.

Copyright © 2025 Defence Technology Institute. All Rights Reserved.